รับติดแบนเนอร์ราคาถูก รับติดป้ายโฆษณา
Taladnut ลงประกาศฟรี ขายสินค้าฟรี โปรโมทเว็บฟรี โฆษณาสินค้าฟรี ฝากลิ้งค์ฟรี
โปรโมทเว็บ, รับโฆษณาสินค้า

อุปกรณ์ออกบูธ

ไนโตรเจนเหลว รับติดแบนเนอร์ ตอกเสาเข็ม, ขายเสาเข็ม, ขายแผ่นพื้น, ปั้นจั่น, รับผลิตเสาเข็ม รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับติดตั้งตาข่ายกันนก รับติดแบนเนอร์ รับจ้างโพสต์เว็บ รับโพสเว็บ โปรโมทเว็บ โฆษณาสินค้า ราคาถูก รับรีโนเวท รับทำseoราคาถูก, รับดันอันดับเว็บ, รับโปรโมทเว็บราคาถูก โปรโมทเว็บ รับประกันติด google หน้า 1 รับทำ SEO ราคาถูก

รับทำSEOราคาถูก, รับโปรโมทเว็บรับประกันติดgoogle

รับทำseoราคาถูก, รับโปรโมทเว็บไซต์, รับดันอันดับเว็บไซต์, รับทำเว็บไซต์, ออกแบบเว็บไซต์ราคาถูก, รับประกันติดgoogle

**ประกาศ!! เนื่องจากต้นทุนค่าโฮสติ้งสูงขึ้นมาก รบกวนสมาชิกใหม่(สมัครใหม่จะยังไม่อนุมัติ จนกว่าจะโอน) และเก่า(ทุกUserจะโดนลบ หากไม่โอนช่วย)
โอนช่วยค่าโฮส ปีละ 200 บาท ด้วยนะครับ ติดต่อ Add Line : @posthitz ขอบคุณมากครับ

เปิดประวัติ Jim Marshall เมื่ออุปสรรคทางร่างกายสร้างตำนานให้ "The Father of Loud




เมื่อเอ่ยถึงแบรนด์เครื่องเสียงที่เป็นขวัญใจ และได้รับความนิยมในหมู่เพื่อนๆ ชาวปันโปรของเรา คงจะหนีไม่พ้น Marshall ที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเองจากเครื่องขยายเสียง พัฒนามาสู่โปรดักส์ที่ตอบโจทย์และเข้าถึงคนกลุ่มต่างๆ ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์ของสินค้าที่ดูทันสมัย มีความเป็นของแต่งบ้านเบาๆ รวมถึงลักษณะของโปรโมชั่นโปรดักส์ที่ไม่ได้ตอบโจทย์แค่นักดนตรีเพียงอย่างเดียว แต่ยังแตกไลน์ให้คนทั่วไปได้เข้าถึงความเป็น Marshall ได้ง่ายขึ้น

ซึ่งใครจะไปรู้ว่า กว่าแบรนด์จะประสบความสำเร็จแบบนี้ ถ้าไม่ได้เริ่มต้นมาจากพรสวรรค์ของเด็กคนหนึ่ง เชื่อว่าแบรนด์ Marshall ที่พวกเรารู้จักกัน อาจจะไม่ได้โด่งดัง หรือเกิดขึ้นมาเป็นแบรนด์เลยก็ได้







Jim Marshall ภาพจาก marshallforum.com



อุปสรรคทางร่างกาย ไม่ใช่ปัญหาสำหรับ Jim Marshall

Marshall เป็นแบรนด์เครื่องเสียงที่ได้รับความนิยมในหมู่นักดนตรี รวมไปถึงวงดนตรีชื่อดังระดับโลกหลายต่อหลายวง อาทิ Oasis, Muse, Bring Me The Horizon อีกทั้งยังเคยถูกพบเห็นในทัวร์คอนเสิร์ตของศิลปินเดี่ยวชื่อดังไม่ว่าจะเป็น Justin Timberlake, Lana Del Ray แต่ Marshall คงจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสและกระทบไหล่ศิลปินชื่อดังระดับโลกแบบนี้ หากไม่ได้ถูกคิดค้นและพัฒนามาจากพรสวรรค์ของ Jim Marshall

จิมเติบโตมาพร้อมๆ กับความผิดปกติทางร่างกายตั้งแต่เด็ก เค้าเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลบ่อยมาก โดยความผิดปกติทางร่างกายที่ว่านี้ก็ได้แก่ ความผิดปกติในเรื่องของกระดูก  ซึ่งคุณพ่อของเค้าได้แนะนำวิธีการบริหารกล้ามเนื้อด้วยการเต้น Tap เผื่อว่าการขยับร่างกายด้วยวิธีการเต้นนี้ จะช่วยทำให้กระดูกของเค้าแข็งแรงขึ้นมาได้บ้าง และถ้าทุกคนเคยรู้จักหรือเคยเห็นการเต้น Tap ผ่านตากันมาบ้าง จะบอกว่าการเต้นลักษณะนี้ไม่ได้เป็นแค่การเต้นธรรมดาๆ แต่มันยังเป็นการเต้นที่ให้จังหวะเหมือนกับเครื่องดนตรีด้วยเช่นกัน

ซึ่งประเด็นสำคัญมันอยู่ตรงนี้เลยทุกคน เพราะการเต้น Tap ตามคำแนะนำของพ่อ เป็น promotion เบิกทางที่ทำให้จิมค้นพบว่าตัวเองมีความหลงใหลในเสียงดนตรีเป็นอย่างมาก มิหนำซ้ำร่างกายของเค้าเองก็ค่อยๆ แข็งแรงมากขึ้น บวกกับความหลงใหลในเสียงดนตรีที่เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน มันเลยทำให้จิมมุ่งหน้าเข้าสู่วงการดนตรีโดยเริ่มจากการหัดเล่นเครื่องดนตรีชนิดต่างๆ ก่อนจะรับบทบาทเป็นคุณครูสอนตีกลองในเวลาต่อมา









ซึ่งต้องบอกว่าความหลงใหลที่จิมมีให้กับเสียงดนตรีนั้น ไม่เคยแผ่วเลยทุกคน แล้วยิ่งพอมาจับงานสายดนตรีมันเลยยิ่งปลุกปั่น promotions ความกระหายในตัวให้เพิ่มมากขึ้น จน Jim Marshall and Son ถือกำเนิดขึ้นมา มันคืออะไร ? มันคือร้าน Music Store ที่จิมสร้างขึ้นด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองกับครอบครัว โดยร้านตั้งอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และอย่างที่บอกว่ามันคือ Music Store ดังนั้นมันจึงเต็มไปด้วยเครื่องดนตรีหลากหลายประเภท แต่ด้วยความที่ว่าดนตรีที่มาแรงในยุคนั้นส่วนใหญ่มักจะเป็นแนว Jazz เลยทำให้ฐานลูกค้าใหม่ๆ ของเค้ายังไม่ค่อยมีเท่าไหร่

แต่ถ้าจะบอกว่าร้านของเค้าไม่มีลูกค้าเลย ก็ไม่ถูกนะ เพราะส่วนใหญ่กลุ่มลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามามักจะเป็นกลุ่มลูกศิษย์ที่เคยเรียนตีกลองกับเค้า ไปจนถึงกลุ่มเพื่อนของลูกชาย ที่ในสมัยนั้นเรียกกันว่าเป็นกลุ่ม Young Rock Musicians ที่เป็นกลุ่มนักดนตรีแนวใหม่ สวนทางกับแนวเพลง Jazz ที่กำลังบูมสุดๆ และเมื่อโปรถูกพูดถึงปากต่อปากมากขึ้น ร้าน Jim Marshall and Son ก็เลยกลายเป็นมีชื่อเสียงขึ้นมาในหมู่นักดนตรี ที่มักจะชอบแวะเวียนเข้ามาดูสินค้า พูดคุย คือให้ฟีลเหมือนเป็น Community ประมาณนั้นเลย


" เมื่อไม่มีสิ่งที่ลูกค้าต้องการ เราเลยสร้างมันขึ้นมาให้ "
นี่แหละคือจุดเริ่มต้นของเครื่องขยายเสียง Marshall



ใครว่าจิมจะไปสุดแล้วหยุดที่ร้านขายเครื่องดนตรีของเค้าเท่านั้น บอกเลยว่าไม่ใช่ และไม่รู้ว่าจะขอบคุณจิม หรือขอบคุณลูกค้าคนนั้นดี เพราะมีอยู่วันหนึ่งหลังจากกิจการ Jim Marshall and Son กำลังไปได้สวย ลูกค้าวัยรุ่นของเค้ากลุ่มนึง ได้ออกความเห็นในทำนองที่ว่า เครื่องขยายเสียงที่จิมเอามาขาย มันไม่มีโทนเสียงที่พวกเค้าต้องการเลย และเมื่อได้ความเห็นแนวๆ นี้เข้ามาเยอะ บวกกับความรักในเสียงดนตรีของเค้า จิมและลูกชายเลยตัดสินใจว่าจะผลิตเครื่องขยายเสียงขึ้นมากันเอง

โดยจิมกับลูกชายได้แบ่งหน้าที่กันดูตามนี้ จิม ดูเรื่องกลไกของผลิตภัณฑ์ ส่วนเทอร์รี่ ลูกชาย ดูเรื่องแผงวงจร, ส่วนประกอบ รวมถึงการทดลองต่างๆ และถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้ผ่านประสบการณ์เกี่ยวกับเครื่องขยายเสียงมาก่อนเลย แต่ด้วยประสบการณ์ด้านดนตรีที่ผ่านมา ทำให้เครื่องขยายเสียง Marshall ถือกำเนิดขึ้นมาจนได้





เห็นผลภายใน 2 สัปดาห์
ลดผมร่วงได้อย่างชัดเจน

 









ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชื่อเสียงของ Jim รวมถึง Marshall ก็ได้ถูกพูดถึงกันมาเรื่อยๆ ซึ่งแบบนี้เราไม่ได้มองว่าเค้าเป็นคนที่มีความสามารถเพียงอย่างเดียวนะ แต่การที่เค้าประสบความสำเร็จแบบนี้ได้ เรามองว่าส่วนหนึ่งมันก็มาจากพรสวรรค์และความหลงใหลด้านดนตรีที่อยู่ในตัวของเค้าด้วย

และหลังจากเครื่องขยายเสียงตัวแรกของแบรนด์ถือกำเนิดขึ้น ร้าน Jim Marshall and Son ก็ได้เปิดสาขาที่ 2 ตามมา โดยสาขานี้มีความหลากหลายของตัวสินค้ามากขึ้น บวกกับความต้องการรวมถึงความสนใจจากลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นด้วย จนกลายเป็นว่าเมื่อความต้องการมันถาโถมเข้ามา จนเค้ากับลูกชายลงมือทำกันเองไม่ไหว เลยได้ขยายกิจการจนกลายเป็นโรงงานขึ้นมาแทนที่

ผลิตภัณฑ์ของจิมถูกนำมาใช้ในวงดนตรีระดับโลกชื่อดังมากมายอย่างที่บอกกัน อีกทั้งถ้าเราจะยกย่องว่าเค้าเป็นบุคคลที่ทุ่มเทและรักในวงการดนตรีอย่างแท้จริง เรามองว่าไม่แปลกอะไรเลย ด้วยความอุทิศตัวที่จิมมีให้กับวงการดนตรีนี้ ทำให้ชื่อของเค้าได้ไปปรากฏอยู่บน Hollywood Walk of Fame ในปี ค.ศ. 1985 รวมถึงยังได้รับรางวัล Queen's Award for Enterprise อีกด้วย









ชื่อของ Father of Loud ยังคงอยู่ตลอดไป
ชื่อของ Marshall ก็เช่นกัน


หลังจากประสบความสำเร็จกับการผลิตเครื่องขยายเสียง จนตอนนี้ได้ผันตัวเองให้กลายมาเป็นแบรนด์สินค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์มากขึ้น ทั้งมีการวางแผนการตลาดโดยจัดส่วนลด หรือ ลดราคา ซึ่งเพื่อนๆอาจจะได้เห็นทางออน์ไลน์กันมาบ้างแล้ว เรียกว่าความนิยมของ Marshall ก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นๆ ในทุกวัน แต่จุดสังเกตนึงที่ไม่รู้ว่าเราคิดไปเองไหม แต่เรารู้สึกว่ากลิ่นอายของโปรดักส์ทุกตัวของ Marshall มันมักจะแฝงไปด้วยความเป็น Rock Music ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นโปรดักส์ที่เกี่ยวข้องกับ Rock Music โดยตรง แต่ก็ถือว่าเป็นเอกลักษณ์เบาๆ ที่เราสามารถสัมผัสได้ในตัวโปรดักส์ของเค้า

ซึ่งการผันตัวเองให้มีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้นนี้ ถือว่าเป็นการมองภาพได้ขาดมากๆ นะ เพราะเดี๋ยวนี้แบรนด์ใหญ่ที่ก่อตั้งมานาน ถ้าไม่รีแบรนด์ตัวเอง หรือพัฒนาตัวเอง เราว่ามันไปต่อได้ยากมาก อย่างแบรนด์แว่นตากันแดดรุ่นพ่ออย่าง Ray-Ban ก็อาศัยการพัฒนา ปรับปรุง ให้สินค้าของตัวเองสามารถตอบโจทย์และเข้ากับวิวัฒนาการที่เปลี่ยนไปได้ ซึ่ง Marshall เองก็ไม่ต่างกัน

คือตอนนี้กลายเป็นว่าไม่ว่าใครๆ ก็สามารถเป็นเจ้าของ Marshall ได้ โดยที่คุณไม่จำเป็นจะต้องเป็นนักดนตรีเสมอไป แล้วสาเหตุของมันมาจากอะไร ? 









ในปี ค.ศ. 2010 ที่ผ่านมา Marshall ได้แหวกกฏของตัวเองจากการเป็นผู้ผลิตเครื่องขยายเสียงเดิมๆ มาเจาะกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสนใจในสินค้าประเภทหูฟังกันบ้าง ซึ่งการเปิดตัวโปรดักส์ใหม่อย่างหูฟังนี้ ได้มาในรูปแบบของหูฟังครอบที่มีเอกลักษณ์อย่างโลโก้ชื่อแบรนด์สีขาวที่อยู่บริเวณด้านบนฝาครอบสีดำ เป็นอะไรที่ดูทันสมัย และได้ใจกลุ่มลูกค้ากันตั้งแต่เปิดตัว โดยถือว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะอิงไปกับไลฟ์สไตล์ที่คนในช่วงนั้นที่มักจะชอบพกหูฟังเวลาออกไปข้างนอก หรือแม้แต่อยู่ในบ้านเองก็ตาม ซึ่งหูฟังของ Marshall นี้ ยังมีความเป็นแฟชั่น แต่ก็ยังไม่ทิ้งความมีคุณภาพด้านเสียง รวมถึงเทคโนโลยีเกี่ยวกับเสียงเช่นเคย

โดยการมาของหูฟังแบบครอบนี่แหละ ที่เป็นใบเบิกทางให้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Marshall ประสบความสำเร็จและเป็นที่สนใจของผู้คนได้อย่างต่อเนื่อง จนตอนนี้กลายเป็นว่าโปรดักส์ไลน์ใหม่ๆ (ที่ไม่ได้ตอบโจทย์เฉพาะแค่นักดนตรี) ก็ได้ถูกเปิดตัวออกมาเรื่อยๆ ไล่มาจากเครื่องขยายเสียง ลำโพง หูฟัง จนตอนนี้ลามมาถึงเสื้อผ้า, ของใช้, กระเป๋า และอื่นๆ อีกมากมาย และยังมีการโปรโมทผ่านสื่อออนไลน์และมีโปรออนไลน์จากหลายๆแพล็ตฟอร์ม สำหรับใครที่อยากรู้ว่ามีอะไรบ้าง สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่นี่ > คลิ๊ก

ก่อนหน้านี้เราเคยได้ยินคำพูดนึง อารมณ์ประมาณว่า การที่คนเราจะทุ่มเทหรือทำอะไรสักอย่างได้ดี ก่อนอื่นเลยคนๆ นั้นจะต้องมี Passion หรือความสนใจในสิ่งๆ นึงก่อน  ไม่ว่า ณ ตอนนั้นคุณจะมี หรือไม่มีความรู้ในสิ่งที่สนใจก็ตาม แต่ขอให้เรามีความสนใจ อยากที่จะศึกษา หรือทำอะไรบางอย่าง ที่มันสามารถเปลี่ยนแปลงความสนใจของเรานั้น ให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้





ซึ่งจิมก็เป็นตัวอย่างที่ดี ที่ทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนมากๆ เพราะเค้าสามารถต่อสู้กับอุปสรรคทางร่างกาย ก่อนจะก้าวเข้าไปเข้าหาสิ่งที่ชอบ ทำจนมันใช่ จนได้กลายมาเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงอย่างทุกวันนี้ได้ ซึ่งนอกจาก Marshall แล้ว ยังมีแบรนด์อื่นๆ ที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน หากเพื่อนๆ คนไหนยังติดลมอยากจะอ่านเรื่องราวที่น่าสนใจของแบรนด์อื่นๆ กันต่อ ทางเราขอป้ายยาบทความเหล่านี้กันต่อเลย



Ray-Ban จะผ่านมากี่ปี “แว่นกันแดดรุ่นพ่อ” แบรนด์นี้ก็ยังยืนหนึ่ง !

Charles & Keith จากร้านขายรองเท้าธรรมดา สู่การเติบโตที่ไม่มีคำว่าหยุดนิ่ง !

Uniqlo สลัดภาพแบรนด์เกรดต่ำ-ราคาถูก สู่แบรนด์คุณภาพที่ได้รับการยอมรับ

จากแบรนด์เคสมือถือเล็กๆ สู่แบรนด์ระดับโลก ! เพราะอะไร CASETiFY ถึงครองใจลูกค้าได้อยู่หมัด ?



ขอบคุณแหล่งที่มา : Marshall.com และ Wikipedia.com

 

รับโพส, รับจ้างโพส